ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แฮร์ริสได้ก้าวออกมาจากเงาของไบเดน และกลายมาเป็นเสียงสำคัญในรัฐบาลที่สนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง ผลสำรวจของ Reuters/Ipsos พบว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งของพรรคเดโมแครตร้อยละ 81 มองว่าแฮร์ริสเป็นฝ่ายดี เมื่อเทียบกับร้อยละ 78 ที่มองว่าไบเดนเป็นฝ่ายดี
ที่น่าสังเกตคือ 18% ของผู้ตอบแบบสำรวจพรรคเดโมแครตคิดว่าบัตรลงคะแนนของไบเดนจะน่าดึงดูดใจมากขึ้นหากมีการแทนที่แฮร์ริสในฐานะเพื่อนร่วมทีม ในขณะที่ 71% ไม่เห็นด้วย และส่วนที่เหลือไม่แน่ใจ
ไบเดนถูกมองว่าแก่เกินไปที่จะทำงานในรัฐบาลโดย 59% ของพรรคเดโมแครต ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคล้ายคลึงกับผลสำรวจเมื่อเดือนมกราคม
แกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นดาวรุ่งของพรรคเดโมแครตที่ผู้สังเกตการณ์หลายคนคาดหวังว่าจะสามารถลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ได้กลับมีผลงานที่แย่ลงเล็กน้อย โดยตามหลังทรัมป์ที่ 39% ต่อ 42%
ผู้สมัครที่ได้รับเลือกจากพรรคเดโมแครตที่เข้ารับการทดสอบตัวต่อตัวกับทรัมป์ ไม่มีใครประกาศตัวลงสมัครอย่างเป็นทางการ และหลายคนแทบไม่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศด้วยซ้ำ
จากการสำรวจความคิดเห็นของพรรคเดโมแครตพบว่า 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่เคยได้ยินชื่อแอนดี้ เบเชียร์ ผู้ว่าการรัฐเคนตักกี้มาก่อน ซึ่งผู้บริจาคเงินให้กับพรรคเดโมแครตบางส่วนมองว่าเขาเป็นตัวเลือกที่ดีหลังจากที่เขาชนะการเลือกตั้งในรัฐที่มีพรรครีพับลิกันหนุนหลังอยู่มาก เบเชียร์ซึ่งไม่ค่อยมีใครรู้จัก กลับตามหลังทรัมป์เพียงเล็กน้อยจากการสำรวจความคิดเห็นของรอยเตอร์/อิปซอสที่ 36% ต่อ 40% แสดงให้เห็นว่าพรรคเดโมแครตต่อต้านทรัมป์มากเพียงใด
เกร็ตเชน วิทเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน ได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์ด้วยคะแนน 36% ต่อ 41% ในขณะที่ เจบี พริตซ์เกอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ ได้รับการสนับสนุนเพียง 34% เทียบกับทรัมป์ที่ได้เพียง 40%
การสำรวจซึ่งดำเนินการทางออนไลน์ได้ทำการสำรวจผู้ใหญ่ชาวสหรัฐอเมริกาจำนวน 1,070 คนทั่วประเทศ